Lamborghini จากแบรนด์รถไถสู่ซุปเปอร์คาร์สายสปอร์ตระดับโลก

ใคร ๆ ก็รู้ว่ารถยนต์เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการขับขี่ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่นอกเหนือจากราคา ดีไซน์ รถยุโรปความชื่นชอบที่จะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ ความเร็วแรงและสมรรถนะในการขับขี่นี่แหละ ที่ถือเป็นตัวชูโรงทำให้หลายคนอยากได้มันมาไว้ในครอบครอง

ความแตกต่างระหว่าง ไฮเปอร์คาร์ กับ ซุปเปอร์คาร์

และหากพูดถึงรถที่มีความเร็ว ความแรง มาพร้อมกับดีไซน์สุดเท่ ‘ซุปเปอร์คาร์’ และ ‘ไฮเปอร์คาร์’ คงจะเป็นอีกหนึ่งฝันหวานของคุณแน่ล่ะจริงไหม? แต่นั่นก็อาจทำให้คุณสับสนอยู่เล็กน้อยว่าแท้จริงแล้วรถทั้งสองแบบเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ วันนี้เรามีวิธีจำแนกง่าย ๆ มาฝากทุกคนกัน

ความแตกต่างระหว่าง ไฮเปอร์คาร์ กับ ซุปเปอร์คาร์
ความแตกต่างระหว่าง ไฮเปอร์คาร์ กับ ซุปเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

  • เริ่มกันที่ไฮเปอร์คาร์ สำหรับไฮเปอร์คาร์ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของซุปเปอร์คาร์ เพราะเป็นรถที่มาพร้อมกับการปรับแต่งที่เหนือชั้น ให้กำลังแรงสูง จนได้รับสถิติรถที่เร็วที่สุด แต่ถึงแม้ว่าไฮเปอร์คาร์จะยังไม่มีนิยามตายตัว แต่หากค่ายใดผลิตรถยนต์ออกมาได้ในราคาที่สูงและสุดที่สุดในรุ่น ก็จะถูกเรียกว่าไฮเปอร์คาร์ไปโดยปริยาย แถมไฮเปอร์คาร์ยังเป็นรถที่ต้องมีธรรมเนียมราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16-17 ล้านบาทไทย (ไม่รวมภาษี) ที่บ่งบอกถึงความเหนือชั้นด้วย
ความแตกต่างระหว่าง ไฮเปอร์คาร์ กับ ซุปเปอร์คาร์
ความแตกต่างระหว่าง ไฮเปอร์คาร์ กับ ซุปเปอร์คาร์

ซุปเปอร์คาร์

  • สำหรับรถซุปเปอร์คาร์เป็นรถยนต์สมรรถนะสูง และสามารถกำหนดอัตราเร่งเข้าถึง 0-100 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 วินาที ส่วนแง่ของการออกแบบนั้นแน่นอนเลยว่ามีรูปทรงและโครงสร้างที่แตกต่างจากรถทั่วไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละค่ายรถว่าจะออกแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาได้สวยหรูโดนใจคนซื้อขนาดไหน ส่วนราคาของซุปเปอร์จะเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นดอลลาร์สหรัฐไปจนถึงหลักแสน หรือประมาณหลักแสนจนถึงหลักสามล้านบาทในไทย (ไม่รวมภาษี)

ทำไม Lamborghini ต้องใช้วัวกระทิงเป็นสัญลักษณ์

แต่ถ้าพูดถึงรถซุปเปอร์คาร์แถวหน้าระดับโลก หลายคนคงยกให้ Lamborghini หรือ ลัมโบร์กินี ติดอันดับไปแบบไม่มีข้อกังขา เพราะถึงแม้แบรนด์นี้จะไม่ได้มีอายุอานามที่นานมากเท่าไหร่ แต่ชื่อเขากลับดังกระหึ่มไปทั่วโลก ด้วยประโยคเด็ดกินใจ ‘มาหา Lamborghini ถ้าต้องการรถที่ดีที่สุดในโลก’ เอากับเขาสิ

ทำไม Lamborghini ต้องใช้วัวกระทิงเป็นสัญลักษณ์
ทำไม Lamborghini ต้องใช้วัวกระทิงเป็นสัญลักษณ์

ลัมโบร์กินีเป็นรถซุปเปอร์คาร์สายสปอร์ตสัญชาติอิตาลี ที่ปรากฏตัวอยู่ในวงการซุปเปอร์คาร์มาแล้วกว่า 5 ทศวรรษ มาพร้อมกับโลโห้รถหรู ด้วยสัญลักษณ์วัวกระทิงสีทองที่จำง่าย ตั้งอยู่กลางกรอบรูปโล่ห์ ด้านบนมีแถบชื่อแสดงความเป็นเจ้าของว่า Lamborghini ซึ่งสาเหตุที่นำวัวกระทิงมาใช้เป็นโลโก้ก็เพราะว่านี่เป็นสัญลักษณ์ปีเกิดและสายพันธุ์วัวกระทิงที่ชอบของ เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี ผู้ก่อตั้งนั่นเองค่ะ

Ferruccio Lamborghini เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวชาวนา แต่มีความใฝ่ฝันและความชื่นชอบในรถแข่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเริ่มทำการดัดแปลงเครื่องจักรของ ‘รถไถนา’ ทำความเข้าใจกลไกต่าง ๆ ด้วยตนเอง พ่อของเขาเลยตัดสินใจส่งเขาไปเรียนต่อด้านวิศกรรมเครื่องยนตร์ ที่ Fratelli Taddia Technical Institute เมื่อเรียนจบเขาต้องไปเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามเสร็จสิ้นก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟูอุตสาหกรรมเกษตร นั่นเลยทำให้เขาคิดค้นและพัฒนาแทรกเตอร์รูปแบบใหม่ ช่วงนั้นน้ำมันเบนซินแพงมาก เขาเลยใช้เทคนิคสตาร์ทด้วยน้ำมันเบนซิน แต่ทำงานด้วยน้ำมันดีเซล (ราคาถูกกว่า) ทำให้ช่วยคนประหยัดค่าใช้จ่าย และรถแทรกเตอร์ของลัมโบร์กีนี ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

รถแทรกเตอร์ลัมโบร์กีนี
รถแทรกเตอร์ลัมโบร์กีนี

ลัมโบร์กีนี ตัดสินใจทำรถเพราะต้องการเอาคืน Ferrari

เมื่อลัมโบร์กีนีอยู่ในฐานะที่ร่ำรวยเลยทำให้เขาซื้อรถสปอร์ตสวย ๆ ตามความใฝ่ฝัน และแน่นอนว่า Ferrari เป็นรถที่เขาเลือกเป็นอันดับแรก แต่แล้วในตอนนั้น Ferrari ทุ่มเทกับบางอย่างมากไป จนทำให้ละเลยที่จะเอาใจใส่รถสปอร์ตที่ขายตามท้องตลาด ลัมโบร์กินีเจอปัญหาของรถอยู่บ่อยครั้ง ซ่อมแล้วซ่อมอีกก็แก้ไม่หายสักที จนทนไม่ไหวและขอเข้าพบกับผู้ก่อตั้งด้วยตัวเอง ‘ผู้ผลิตรถแทรกเตอร์แบบคุณ ไม่น่าจะมีคุณสมบัติมาวิพากษ์วิจารณ์รถแข่งของผมนะ’ นี่คือหนึ่งในคำพูดคร่าว ๆ ของผู้ผลิต Ferrari

นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดการก่อตั้ง Automobili Lamborghini ขึ้นในปี 1963 เพื่อต้องการทำรถสปอร์ตของตัวเองและเอาคืนแบรนด์ดังที่ไม่ใส่ใจลูกค้า ด้วยคอนเซ็ปต์ “รถต้องเร็วที่สุด ประสิทธิภาพเยี่ยมที่สุด และใส่ใจลูกค้ามากที่สุด”

ลัมโบร์กีนี ตัดสินใจทำรถเพราะต้องการเอาคืน Ferrari
ลัมโบร์กีนี ตัดสินใจทำรถเพราะต้องการเอาคืน Ferrari

เขาเริ่มต้นด้วยการหาบุคลากรที่ดี ต่อด้วยการสร้างดีไซน์ และความเร็วให้โดดเด่น สูงกว่าคู่แข่ง รับฟังปัญหาของลูกค้าแบบจริงจัง และพร้อมที่จะช่วยเหลือเจ้าของรถอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ทำเอาแสบมาก ๆ คือบริษัทของลัมโบร์กินีตั้งห่างจากโรงงานของเฟอร์รารี่เพียงแค่ 15 กิโลเมตรเท่านั้น และทั้งหมดที่เขาทำมาก็ไม่ใช่เรื่องขายฝันแต่อย่างใด เพราะเขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถโค่นล้มแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ในตำนานอย่าง Ferrari ได้สำเร็จและทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

แต่ถึงอย่างไรทั้งสองแบรนด์ก็ยังคงเป็นแถวหน้าของรถหรูที่สูสีกันมาแบบหมัดต่อหมัด เอาเป็นว่าใครอยากซื้อรถหรูสักคัน ก็ลองชั่งน้ำหนักความชอบ และเงินในกระเป๋าให้ดีล่ะ ที่สำคัญขับด้วยความระมัดระวัง เพราะหากพลาดขึ้นมาจะได้ไปนอนใช้ประกันสุขภาพที่โรงพยาบาลจะไม่คุ้มเอา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *